วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Week 5: ผู้มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร สภาพปัญหาของการพัฒนาหลักสูตรและการใช้หลักสูตรสถานศึกษา

      ✤  ✤      ✤  ✤         ✤      ✤        


ผู้มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร สภาพปัญหาของการพัฒนาหลักสูตร
และการใช้หลักสูตรสถานศึกษา


      ✤  ✤      ✤  ✤         ✤      ✤        


พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ระบุให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีหน้าที่จัดทำสาระของหลักสูตรในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณลักษณะอันพึงประสงค์เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ (สำนักงานปฏิรูปการศึกษา  ม.ป.ป.: 15)

แสดงว่า สถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน จะต้องจัดทำสาระในรายละเอียดตามกรอบของหลักสูตรแกนกลางและจัดทำหลักสูตรอื่นบางส่วนเพิ่มเติม เพื่อสนองความต้องการของผู้เรียนและความต้องการของท้องถิ่นนั้นๆ  ดังนั้นบทบาทของสถานศึกษาโดยเฉพาะผู้บริหารและคณะครูจะต้องรับผิดชอบงานทางด้านการจัดทำรายละเอียดของหลักสูตรในทุกเนื้อหาสาระเพิ่มเติมทั้งนี้เพื่อให้หลักสูตรตอบสนองต่อความต้องการของชุมชนและท้องถิ่นให้มากที่สุด ประกอบกับสถานศึกษามีบุคลากรที่มีความพร้อมที่จะกำหนด รายละเอียดสาระของหลักสูตรเพิ่มเติมได้เอง

            ในการพัฒนาหลักสูตรระดับสถานศึกษานั้น นอกจากเป็นบทบาทของบุคลากรของสถานศึกษาโดยตรงแล้ว สถานศึกษาอาจเชิญนักวิชาการจากมหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานต่าง ๆ มาช่วยจัดทำหลักสูตรให้แก่สถานศึกษาได้ มาช (Marsh, 1997: 8) ได้กล่าวว่า ผู้ที่จะจัดทำหลักสูตรให้แก่โรงเรียนมาจากหลายแหล่ง จากบุคลากรในโรงเรียน ครู ผู้บริหารโรงเรียน ผู้ปกครองนักเรียน ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันอุดมศึกษา กลุ่มบุคคลจากอุตสาหกรรมและชุมชน เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจนถึงนักการเมือง
            การที่บุคคลของสถานศึกษามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร โดยเฉพาะผู้บริหารและครูผู้สอน จะช่วยให้ผู้เกี่ยวข้องดังกล่าวเข้าถึงและเข้าใจความสำคัญ ทิศทางของหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้อย่างแท้จริง เพราะได้มีการอภิปราย การตรวจสอบ และการหาข้อยุติอย่างรอบคอบ เป็นที่แน่ชัดว่าการจัดการเรียนการสอนของครูที่ดำเนินตามหลักสูตรที่ตนมีส่วนร่วมสร้างขึ้นมาเอง จะทำให้การจัดการสอนสนองความต้องการของผู้เรียนและบรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้มากกว่าการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรที่มีผู้กำหนดมาให้เรียบร้อยแล้ว
            นักวิชาการด้านการพัฒนาหลักสูตรต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การกระจายอำนาจการตัดสินใจเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรเป็นเรื่องจำเป็นและมีความสำคัญ จึงบัญญัติศัพท์ที่เกี่ยวกับแนวคิดในการสนับสนุนให้สถานศึกษาจัดทำหลักสูตรเองไว้มากมาย เช่น การพัฒนาหลักสูตรที่ยึดโรงเรียนเป็นฐาน (School-based curriculum development) การพัฒนาหลักสูตรที่ยึดโรงเรียนเป็นหลัก (School-focused curriculum development) พร้อมทั้งมีความพยายามที่จะมอบอำนาจการตัดสินใจและการบริหารจัดการให้แก่ครูใหญ่หรือผู้บริหารโรงเรียน โดยบัญญัติศัพท์เรียกแนวความคิดนี้ว่า การบริหารจัดการที่ยึดแหล่งปฏิบัติการเป็นฐาน (Site-based Management) หรือการบริหารจัดการที่ยึดโรงเรียนเป็นฐาน (School-based Management) เป็นต้น

นอกจากนี้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐา พุทธศักราช 2551 ได้ปรับปรุงและพัฒนามาจากหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544  เพื่อแก้ปัญหา อุปสรรค ที่เกิดขึ้นในการใช้หลักสูตรที่ผ่านมา และเพื่อช่วยให้การจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา และการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น  หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้ยึดหลักการและแนวคิดสำคัญ คือ มาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียน (Standards- based  curriculum) โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานมีบทบาทหน้าที่ในการกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้ขึ้น  ฉะนั้นมาตรฐานการเรียนรู้จึงมีความสำคัญสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
              ผู้เรียน   มาตรฐานการเรียนรู้จะช่วยให้ผู้เรียนทราบถึงสิ่งที่ตนต้องรู้ และปฏิบัติได้ และเป็นสิ่งท้าทาย ที่จะกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความพยายามที่จะก้าวไปให้ถึงจุดนั้น

              ผู้สอน   มาตรฐานการเรียนรู้จึงเป็นกรอบและเป็นแนวทางในการสร้างหลักสูตรออกแบบการเรียนการสอนและการประเมินผล ทำให้ทราบว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่นักเรียนควรจะรู้ และปฏิบัติได้

             ชุมชน ท้องถิ่น และระดับชาติ   มาตรฐานการเรียนรู้เป็นความคาดหวังทางการศึกษาที่ตั้งไว้ร่วมกัน ช่วยให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถสื่อสารให้เข้าใจตรงกันเกี่ยวกับหลักสูตร จึงทำให้บุคคลและส่วนต่าง ๆ ในระบบการศึกษาทำงานร่วมกันในการวางแผนพัฒนาการศึกษาให้มีประสิทธิภาพและมีทิศทางที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
              ด้วยเหตุนี้ ในการจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนไปสู่มาตรฐาน ครูผู้สอนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดทำหลักสูตร จำเป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องมาตรฐานและกระบวนการพัฒนาหลักสูตรที่อิงมาตรฐานเป็นอย่างดี ซึ่งกระบวนการพัฒนาหลักสูตรตลอดแนว ตั้งแต่ระดับชาติ  ระดับท้องถิ่น  ระดับสถานศึกษา ตลอดจนถึงระดับชั้นเรียน จะต้องเน้นและยึดมาตรฐาน การเรียนรู้เป็นหลักและเป็นเป้าหมายสำคัญ เพราะเป็นขั้นตอนของการนำสิ่งที่คาดหวังในระดับชาติ  ไปก่อให้เกิดผลในการพัฒนาผู้เรียน  ดังนั้น การจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาและการเรียนการสอนจึงต้องเชื่อมโยงกับมาตรฐาน ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายควรให้ความสนใจอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักสูตร  


ปัญหาในการพัฒนาหลักสูตร

  1. การจัดศึกษาไทยเป็นระบบศูนย์รวม สถานศึกษาต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและหลักสูตรที่สร้างขึ้นจากส่วนกลาง ซึ่งไม่สะท้อนสภาพความต้องการที่แท้จริงของสถานศึกษาและท้องถิ่น
2. บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอนและการพัฒนาหลักสูตร เช่น ครู ผู้บริหาร ผู้จัดทำหลักสูตร ไม่เข้าใจกระบวนการของการพัฒนาหลักสูตร มีเจตคติที่ไม่ดีต่อการพัฒนาหลักสูตร ไม่ยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงของหลักสูตร มีความรู้ความสามารถไม่เพียงพอที่จะพัฒนาหลักสูตร
3. ขาดงบประมาณสนับสนุน เช่น ขาดงบประมาณในการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เอกสาร เงินสนับสนุนช่วยเหลือครูแต่ละวันในการพัฒนาหลักสูตร เป็นต้น
4. การบริหารจัดการ เช่น ขาดการประสานงานี่ดีระหว่างระหน่วยงานต่างๆ ขาดผู้เชี่ยนชาญที่มีความรู้ ความเข้าใจและทักษะในการให้ข้อเสนอแนะในการพัฒนาหลักสูตร ขาดการวางแผนด้านเวลา บรรยากาศของโรงเรียนไม่ส่งเสริมการทำงาน

5. การกำหนดวิสัยทัศน์ภารกิจ เป้าหมายและคุณลักษณะที่พึงประสงค์พบว่า ครูขาดความรู้และความเข้าใจ มีภาระงานอื่นมาก เวลาในการจัดทำหลักสูตรมีน้อย และชุมชนมีส่วนร่วมน้อย
6. การกำหนดโครงสร้างหลักสูตรพบว่า การกำหนดสัดส่วนเวลาระหว่างกลุ่มสาระการเรียนรู้กับกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนยังไม่เหมาะสมกัน
7. การจัดทำรายวิชาตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ พบว่าโรงเรียนยังไม่ ได้กำหนดสาระการเรียนรู้เพิ่มที่สนองความต้องการของผู้เรียน ชุมชน และตามศักยภาพของผู้เรียน
8. การออกแบบกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน พบว่า ยังจัดกิจกรรมได้ ไม่หลากหลาย นักเรียนไม่ได้เลือกตามความถนัด ความสนใจ และความต้องการของตนเอง ครูผู้สอนไม่เห็นความสำคัญของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
9. การจัดการเรียนรู้และการส่งเสริมการเรียนรู้ พบว่าครูขาดความมั่นใจในการสอนวิชาภาษาอังกฤษ เนื่องจากไม่ ได้จบวิชาเอก การผลิต การใช้สื่อ และการใช้แหล่งเรียนรู้ยังมีน้อย
10. การวัดผลแลประเมินผล พบว่า ยังไม่มีเกณฑ์การผ่านชั้นปีการออกแบบเอกสารหลักฐานการศึกษา ยังไม่สอดคล้องกับระเบียบที่โรงเรียนได้วางเอาไว้
11. การบริหารการจัดหลักสูตร พบว่า การกำหนดเป้าหมายของโครงการไม่ชัดเจน ขาดการนิเทศ ติดตาม โครงการและกำหนดโครงการมากเกินไป ปฏิบัติ ไม่ทัน
12. การเรียบเรียงเป็นเอกสารหลักสูตรสถานศึกษา พบว่า ยังไม่ทันกำหนดวิสัยทัศน์และคุณภาพของผู้เรียนตามกลุ่มสาระการเรียนรู้แนวทางแก้ ไขในแต่ละด้าน คือ โรงเรียนกำหนดนโยบาย ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ ดำเนินการตามนโยบาย นิเทศติดตามประเมินผลตามประเมินผล ปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

แนวโน้มในการพัฒนาหลักสูตร
1. เป็นหลักสูตรที่เน้นให้ผู้เรียนคิดเป็น ทำเป็น วิเคราะห์เป็น ไม่เน้นท่องจำเหมือนในอดีต เช่น จัดการเรียนรู้แบบโครงการ ให้ครูและนักเรียนช่วยกันพัฒนาโจทย์ขึ้นด้วยกัน การเสาะแสวงหาข้อมูล การลงภาคสนาม การทดลองปฏิบัติ การจดบันทึกข้อมูล การสรุปบทเรียนด้วยตนเอง โดยมีครูเป็นวิทยากรกระบวนการ ผู้ให้คำแนะนำปรึกษาต่อนักเรียน
2. สื่อและเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามามีบทบาทในการเรียนเพิ่มมากขึ้น เช่น  มีการค้นคว้าหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตด้วยตนเองซึ่งผู้เรียนจะสามารถค้นคว้า มีทักษะเข้าสู่ระบบข้อมูลข่าวสาร องค์ความรู้ต่างๆ ที่มีอยู่มากมายได้ตลอดเวลา จัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง การเรียนการสอนแบบทางไกล ซึ่งจะทำให้ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของเวลา สถานที่
3. เน้นการบูรณาการ แต่ยังคงเนื้อหาสาระของแต่ละรายวิชาอยู่ทั้งด้านภาษา การคิดคำนวณและด้านเหตุผลหรือวิทยาศาสตร์
4. เน้นการมีส่วนร่วมและการกระจายอำนาจให้แก่ท้องถิ่นและสถานศึกษาเข้ามามีบทบาทในการจัดการศึกษา เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงของผู้เรียน แต่ส่วนกลางยังคงเป็นผู้กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการตรวจสอบคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษาแต่ละแห่ง
5. ให้ครูและผู้มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรเป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรอย่างแท้จริง เช่น การจัดอบรมสัมมนา.เรื่องการพัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง จัดให้มีผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรมาให้คำแนะนำช่วยเหลือในการพัฒนาหลักสูตร
6. เน้นหลักสูตรท้องถิ่นที่มีความหลากหลายและให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น
7. เนื่องจากในยุคปัจจุบันภาษาต่างประเทศมีความจำเป็นในดำรงชีวิตของผู้คนเพิ่มมากขึ้นประกอบกับประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาเวียดนาม ลาว มลายู อังกฤษ รวมไปถึงมีการเปิดหลักสูตรนานาชาติเพิ่มขึ้นด้วย


แหล่งอ้างอิง:

กฤษฎาภรณ์ สิทธิปกร์. การศึกษาสภาพปัญหาความคาดหวังและแนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ตาม
     พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฯ. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม  2556. จาก http://www.obec.go.th/node/36130
กระทรวงศึกษาเร่งปฏิรูปหลักสูตร ไม่เน้นท่องจำ. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม  2556. จาก  http://news.voicetv.co.th/thailand/69397.htm
มาตรฐานที่ 2 การพัฒนาหลักสูตร ชุดบทเรียนที่ 6 ปัญหาและแนวโน้ม. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม  2556. จาก


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น