✤ ✤ ✤ ✤ ✤
✤ ✤
✤ ✤
✤
✤ ✤ ✤ ✤ ✤
ผู้มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร สภาพปัญหาของการพัฒนาหลักสูตร
และการใช้หลักสูตรสถานศึกษา
✤ ✤ ✤ ✤ ✤ ✤ ✤ ✤ ✤ ✤ ✤ ✤ ✤ ✤ ✤
และการใช้หลักสูตรสถานศึกษา
✤ ✤ ✤ ✤ ✤ ✤ ✤ ✤ ✤ ✤ ✤ ✤ ✤ ✤ ✤
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ระบุให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีหน้าที่จัดทำสาระของหลักสูตรในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม
ภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณลักษณะอันพึงประสงค์เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน
สังคม และประเทศชาติ (สำนักงานปฏิรูปการศึกษา ม.ป.ป.: 15)
แสดงว่า สถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
จะต้องจัดทำสาระในรายละเอียดตามกรอบของหลักสูตรแกนกลางและจัดทำหลักสูตรอื่นบางส่วนเพิ่มเติม
เพื่อสนองความต้องการของผู้เรียนและความต้องการของท้องถิ่นนั้นๆ
ดังนั้นบทบาทของสถานศึกษาโดยเฉพาะผู้บริหารและคณะครูจะต้องรับผิดชอบงานทางด้านการจัดทำรายละเอียดของหลักสูตรในทุกเนื้อหาสาระเพิ่มเติมทั้งนี้เพื่อให้หลักสูตรตอบสนองต่อความต้องการของชุมชนและท้องถิ่นให้มากที่สุด
ประกอบกับสถานศึกษามีบุคลากรที่มีความพร้อมที่จะกำหนด
รายละเอียดสาระของหลักสูตรเพิ่มเติมได้เอง
ในการพัฒนาหลักสูตรระดับสถานศึกษานั้น
นอกจากเป็นบทบาทของบุคลากรของสถานศึกษาโดยตรงแล้ว
สถานศึกษาอาจเชิญนักวิชาการจากมหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานต่าง ๆ
มาช่วยจัดทำหลักสูตรให้แก่สถานศึกษาได้ มาช (Marsh, 1997: 8) ได้กล่าวว่า ผู้ที่จะจัดทำหลักสูตรให้แก่โรงเรียนมาจากหลายแหล่ง
จากบุคลากรในโรงเรียน ครู ผู้บริหารโรงเรียน ผู้ปกครองนักเรียน
ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันอุดมศึกษา กลุ่มบุคคลจากอุตสาหกรรมและชุมชน
เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจนถึงนักการเมือง
การที่บุคคลของสถานศึกษามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร
โดยเฉพาะผู้บริหารและครูผู้สอน
จะช่วยให้ผู้เกี่ยวข้องดังกล่าวเข้าถึงและเข้าใจความสำคัญ
ทิศทางของหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้อย่างแท้จริง
เพราะได้มีการอภิปราย การตรวจสอบ และการหาข้อยุติอย่างรอบคอบ
เป็นที่แน่ชัดว่าการจัดการเรียนการสอนของครูที่ดำเนินตามหลักสูตรที่ตนมีส่วนร่วมสร้างขึ้นมาเอง
จะทำให้การจัดการสอนสนองความต้องการของผู้เรียนและบรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้มากกว่าการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรที่มีผู้กำหนดมาให้เรียบร้อยแล้ว
นักวิชาการด้านการพัฒนาหลักสูตรต่างเห็นพ้องต้องกันว่า
การกระจายอำนาจการตัดสินใจเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรเป็นเรื่องจำเป็นและมีความสำคัญ
จึงบัญญัติศัพท์ที่เกี่ยวกับแนวคิดในการสนับสนุนให้สถานศึกษาจัดทำหลักสูตรเองไว้มากมาย
เช่น การพัฒนาหลักสูตรที่ยึดโรงเรียนเป็นฐาน (School-based curriculum
development) การพัฒนาหลักสูตรที่ยึดโรงเรียนเป็นหลัก (School-focused
curriculum development) พร้อมทั้งมีความพยายามที่จะมอบอำนาจการตัดสินใจและการบริหารจัดการให้แก่ครูใหญ่หรือผู้บริหารโรงเรียน
โดยบัญญัติศัพท์เรียกแนวความคิดนี้ว่า
การบริหารจัดการที่ยึดแหล่งปฏิบัติการเป็นฐาน (Site-based Management) หรือการบริหารจัดการที่ยึดโรงเรียนเป็นฐาน (School-based
Management) เป็นต้น
นอกจากนี้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐา พุทธศักราช 2551 ได้ปรับปรุงและพัฒนามาจากหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 เพื่อแก้ปัญหา อุปสรรค ที่เกิดขึ้นในการใช้หลักสูตรที่ผ่านมา
และเพื่อช่วยให้การจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา
และการจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ได้ยึดหลักการและแนวคิดสำคัญ
คือ มาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายในการพัฒนาผู้เรียน (Standards-
based curriculum) โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานมีบทบาทหน้าที่ในการกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้ขึ้น
ฉะนั้นมาตรฐานการเรียนรู้จึงมีความสำคัญสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้
ผู้เรียน มาตรฐานการเรียนรู้จะช่วยให้ผู้เรียนทราบถึงสิ่งที่ตนต้องรู้
และปฏิบัติได้ และเป็นสิ่งท้าทาย ที่จะกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความพยายามที่จะก้าวไปให้ถึงจุดนั้น
ผู้สอน มาตรฐานการเรียนรู้จึงเป็นกรอบและเป็นแนวทางในการสร้างหลักสูตรออกแบบการเรียนการสอนและการประเมินผล ทำให้ทราบว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่นักเรียนควรจะรู้ และปฏิบัติได้
ชุมชน ท้องถิ่น และระดับชาติ มาตรฐานการเรียนรู้เป็นความคาดหวังทางการศึกษาที่ตั้งไว้ร่วมกัน ช่วยให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องสามารถสื่อสารให้เข้าใจตรงกันเกี่ยวกับหลักสูตร จึงทำให้บุคคลและส่วนต่าง ๆ ในระบบการศึกษาทำงานร่วมกันในการวางแผนพัฒนาการศึกษาให้มีประสิทธิภาพและมีทิศทางที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุนี้
ในการจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนไปสู่มาตรฐาน
ครูผู้สอนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดทำหลักสูตร จำเป็นต้องมีความรู้
ความเข้าใจในเรื่องมาตรฐานและกระบวนการพัฒนาหลักสูตรที่อิงมาตรฐานเป็นอย่างดี ซึ่งกระบวนการพัฒนาหลักสูตรตลอดแนว ตั้งแต่ระดับชาติ ระดับท้องถิ่น ระดับสถานศึกษา
ตลอดจนถึงระดับชั้นเรียน จะต้องเน้นและยึดมาตรฐาน
การเรียนรู้เป็นหลักและเป็นเป้าหมายสำคัญ เพราะเป็นขั้นตอนของการนำสิ่งที่คาดหวังในระดับชาติ ไปก่อให้เกิดผลในการพัฒนาผู้เรียน ดังนั้น
การจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาและการเรียนการสอนจึงต้องเชื่อมโยงกับมาตรฐาน
ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายควรให้ความสนใจอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักสูตร
ปัญหาในการพัฒนาหลักสูตร
1. การจัดศึกษาไทยเป็นระบบศูนย์รวม
สถานศึกษาต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและหลักสูตรที่สร้างขึ้นจากส่วนกลาง
ซึ่งไม่สะท้อนสภาพความต้องการที่แท้จริงของสถานศึกษาและท้องถิ่น
2. บุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอนและการพัฒนาหลักสูตร
เช่น ครู ผู้บริหาร ผู้จัดทำหลักสูตร ไม่เข้าใจกระบวนการของการพัฒนาหลักสูตร
มีเจตคติที่ไม่ดีต่อการพัฒนาหลักสูตร ไม่ยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงของหลักสูตร
มีความรู้ความสามารถไม่เพียงพอที่จะพัฒนาหลักสูตร
3. ขาดงบประมาณสนับสนุน เช่น ขาดงบประมาณในการเตรียมวัสดุอุปกรณ์
เอกสาร เงินสนับสนุนช่วยเหลือครูแต่ละวันในการพัฒนาหลักสูตร เป็นต้น
4. การบริหารจัดการ เช่น ขาดการประสานงานี่ดีระหว่างระหน่วยงานต่างๆ
ขาดผู้เชี่ยนชาญที่มีความรู้
ความเข้าใจและทักษะในการให้ข้อเสนอแนะในการพัฒนาหลักสูตร ขาดการวางแผนด้านเวลา
บรรยากาศของโรงเรียนไม่ส่งเสริมการทำงาน
5. การกำหนดวิสัยทัศน์ภารกิจ
เป้าหมายและคุณลักษณะที่พึงประสงค์พบว่า ครูขาดความรู้และความเข้าใจ
มีภาระงานอื่นมาก เวลาในการจัดทำหลักสูตรมีน้อย และชุมชนมีส่วนร่วมน้อย
6. การกำหนดโครงสร้างหลักสูตรพบว่า
การกำหนดสัดส่วนเวลาระหว่างกลุ่มสาระการเรียนรู้กับกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนยังไม่เหมาะสมกัน
7. การจัดทำรายวิชาตามกลุ่มสาระการเรียนรู้
พบว่าโรงเรียนยังไม่ ได้กำหนดสาระการเรียนรู้เพิ่มที่สนองความต้องการของผู้เรียน
ชุมชน และตามศักยภาพของผู้เรียน
8. การออกแบบกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
พบว่า ยังจัดกิจกรรมได้ ไม่หลากหลาย นักเรียนไม่ได้เลือกตามความถนัด ความสนใจ
และความต้องการของตนเอง ครูผู้สอนไม่เห็นความสำคัญของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
9. การจัดการเรียนรู้และการส่งเสริมการเรียนรู้
พบว่าครูขาดความมั่นใจในการสอนวิชาภาษาอังกฤษ เนื่องจากไม่ ได้จบวิชาเอก การผลิต
การใช้สื่อ และการใช้แหล่งเรียนรู้ยังมีน้อย
10. การวัดผลแลประเมินผล
พบว่า ยังไม่มีเกณฑ์การผ่านชั้นปีการออกแบบเอกสารหลักฐานการศึกษา
ยังไม่สอดคล้องกับระเบียบที่โรงเรียนได้วางเอาไว้
11. การบริหารการจัดหลักสูตร
พบว่า การกำหนดเป้าหมายของโครงการไม่ชัดเจน ขาดการนิเทศ ติดตาม
โครงการและกำหนดโครงการมากเกินไป ปฏิบัติ ไม่ทัน
12. การเรียบเรียงเป็นเอกสารหลักสูตรสถานศึกษา
พบว่า
ยังไม่ทันกำหนดวิสัยทัศน์และคุณภาพของผู้เรียนตามกลุ่มสาระการเรียนรู้แนวทางแก้
ไขในแต่ละด้าน คือ โรงเรียนกำหนดนโยบาย ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ ดำเนินการตามนโยบาย
นิเทศติดตามประเมินผลตามประเมินผล ปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
2. สื่อและเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามามีบทบาทในการเรียนเพิ่มมากขึ้น เช่น มีการค้นคว้าหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตด้วยตนเองซึ่งผู้เรียนจะสามารถค้นคว้า มีทักษะเข้าสู่ระบบข้อมูลข่าวสาร องค์ความรู้ต่างๆ ที่มีอยู่มากมายได้ตลอดเวลา จัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง การเรียนการสอนแบบทางไกล ซึ่งจะทำให้ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของเวลา สถานที่
3. เน้นการบูรณาการ แต่ยังคงเนื้อหาสาระของแต่ละรายวิชาอยู่ทั้งด้านภาษา การคิดคำนวณและด้านเหตุผลหรือวิทยาศาสตร์
4. เน้นการมีส่วนร่วมและการกระจายอำนาจให้แก่ท้องถิ่นและสถานศึกษาเข้ามามีบทบาทในการจัดการศึกษา เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงของผู้เรียน แต่ส่วนกลางยังคงเป็นผู้กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการตรวจสอบคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษาแต่ละแห่ง
5. ให้ครูและผู้มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรเป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรอย่างแท้จริง เช่น การจัดอบรมสัมมนา.เรื่องการพัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง จัดให้มีผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรมาให้คำแนะนำช่วยเหลือในการพัฒนาหลักสูตร
6. เน้นหลักสูตรท้องถิ่นที่มีความหลากหลายและให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น
7. เนื่องจากในยุคปัจจุบันภาษาต่างประเทศมีความจำเป็นในดำรงชีวิตของผู้คนเพิ่มมากขึ้นประกอบกับประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาเวียดนาม ลาว มลายู อังกฤษ รวมไปถึงมีการเปิดหลักสูตรนานาชาติเพิ่มขึ้นด้วย
แหล่งอ้างอิง:
แนวโน้มในการพัฒนาหลักสูตร
1. เป็นหลักสูตรที่เน้นให้ผู้เรียนคิดเป็น ทำเป็น วิเคราะห์เป็น
ไม่เน้นท่องจำเหมือนในอดีต เช่น จัดการเรียนรู้แบบโครงการ ให้ครูและนักเรียนช่วยกันพัฒนาโจทย์ขึ้นด้วยกัน
การเสาะแสวงหาข้อมูล การลงภาคสนาม การทดลองปฏิบัติ การจดบันทึกข้อมูล
การสรุปบทเรียนด้วยตนเอง โดยมีครูเป็นวิทยากรกระบวนการ
ผู้ให้คำแนะนำปรึกษาต่อนักเรียน2. สื่อและเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามามีบทบาทในการเรียนเพิ่มมากขึ้น เช่น มีการค้นคว้าหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตด้วยตนเองซึ่งผู้เรียนจะสามารถค้นคว้า มีทักษะเข้าสู่ระบบข้อมูลข่าวสาร องค์ความรู้ต่างๆ ที่มีอยู่มากมายได้ตลอดเวลา จัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง การเรียนการสอนแบบทางไกล ซึ่งจะทำให้ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของเวลา สถานที่
3. เน้นการบูรณาการ แต่ยังคงเนื้อหาสาระของแต่ละรายวิชาอยู่ทั้งด้านภาษา การคิดคำนวณและด้านเหตุผลหรือวิทยาศาสตร์
4. เน้นการมีส่วนร่วมและการกระจายอำนาจให้แก่ท้องถิ่นและสถานศึกษาเข้ามามีบทบาทในการจัดการศึกษา เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงของผู้เรียน แต่ส่วนกลางยังคงเป็นผู้กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการตรวจสอบคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษาแต่ละแห่ง
5. ให้ครูและผู้มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรเป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรอย่างแท้จริง เช่น การจัดอบรมสัมมนา.เรื่องการพัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง จัดให้มีผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรมาให้คำแนะนำช่วยเหลือในการพัฒนาหลักสูตร
6. เน้นหลักสูตรท้องถิ่นที่มีความหลากหลายและให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น
7. เนื่องจากในยุคปัจจุบันภาษาต่างประเทศมีความจำเป็นในดำรงชีวิตของผู้คนเพิ่มมากขึ้นประกอบกับประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาเวียดนาม ลาว มลายู อังกฤษ รวมไปถึงมีการเปิดหลักสูตรนานาชาติเพิ่มขึ้นด้วย
แหล่งอ้างอิง:
กฤษฎาภรณ์ สิทธิปกร์. การศึกษาสภาพปัญหาความคาดหวังและแนวทางการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ตาม
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฯ. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2556. จาก http://www.obec.go.th/node/36130
กระทรวงศึกษาเร่งปฏิรูปหลักสูตร ไม่เน้นท่องจำ. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2556. จาก http://news.voicetv.co.th/thailand/69397.htm
มาตรฐานที่ 2 การพัฒนาหลักสูตร ชุดบทเรียนที่ 6 ปัญหาและแนวโน้ม. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2556. จาก
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฯ. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2556. จาก http://www.obec.go.th/node/36130
กระทรวงศึกษาเร่งปฏิรูปหลักสูตร ไม่เน้นท่องจำ. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2556. จาก http://news.voicetv.co.th/thailand/69397.htm
มาตรฐานที่ 2 การพัฒนาหลักสูตร ชุดบทเรียนที่ 6 ปัญหาและแนวโน้ม. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2556. จาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น